Search
พรรณไม้
- สิงขรา
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : สิงขรา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Swertia calcicola Kerr
วงศ์ : GENTIANACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียว พบทางภาคเหนือของไทย ที่ดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตามสันเขา ในพื้นที่เปิด ที่ระดับความสูงเกินกว่า 2,000 เมตร ออกดอกช่วงเดือน มิถุนายน-กันยายน
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง 10-30 เซนติเมตร กิ่งก้านเป็นสี่เหลี่ยม ใบ เดี่ยว ออกตรงข้าม รูปไข่ถึงรูปรี ยาว 2.5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน หรือเป็นรูปลิ่มกว้าง ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงหลั่น มีดอกย่อย จำนวนมาก กลีบรองดอกเชื่อมกันบริเวณโคน ปลายแยกเป็น 4-5 แฉก กลีบดอกสีขาว มีลายสีม่วงเป็นเส้นตามยาว 4-5 กลีบ รูปไข่ ยาว 0.7-1.3 เซนติเมตร ปลายแหลม มีต่อมที่โคนกลีบดอก กลีบละ 2 ต่อม รอบต่อมมีขนครุยยาว 0.7 มิลลิเมตร เกสรผู้ 4-5 อัน อับเรณูรูปไข่ รังไข่ ทรงรี ผล แก่แล้วแตก เป็น 2 พู มีเมล็ดขนาดเล็ก จำนวนมาก
ที่มาข้อมูล : http://www.qsbg.org/Database/Botanic_Book%20full%20option/Search_detail.asp?Botanic_ID=1534
ที่มาภาพ : http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?action=dlattach;topic=10468.0;attach=122739;image
- ม่วงสอดสี
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : ม่วงสอดสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Petrocosmea bicolor D.J. Middleton & Triboun
วงศ์ : GESNERIACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบเฉพาะดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ ขึ้นบนหินปูนในป่าดิบเขา ระดับความสูงประมาณ 1,450 เมตร
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก ใบเรียงแผ่ที่โคน แผ่นใบมีขนสั้นนุ่มทั้งสองด้าน โคนใบรูปหัวใจ ขอบใบจักซี่ฟันไม่เป็นระเบียบ ช่อดอกแบบช่อซี่ร่มออกจากซอกใบที่ไร้ก้าน มีขนต่อมหนาแน่น กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขนยาวด้านนอก กลีบรูปใบหอก กลีบดอกรูปปากเปิด สีม่วงอ่อนและขาว กลีบบนรูปไข่ปลายกลม เกสรเพศผู้ 2 อัน ติดภายในโคนหลอดกลีบ มีต่อมขนประปราย เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน 3 อัน 2 อันยาวประมาณ 0.9 มิลลิเมตร อันสั้น 1 อัน ยาวประมาณ 0.4 มิลลิเมตร รังไข่ยาว 2.5 มิลลิเมตร มีต่อมหนาแน่น ก้านเกสรเพศเมียยาว 7-8.5 มิลลิเมตร มีขนช่วงล่าง
ที่มาข้อมูล : http://web3.dnp.go.th/botany/detail.aspx?words=%C1%E8%C7%A7%CA%CD%B4%CA%D5&typeword=group
ที่มาภาพ : http://1.bp.blogspot.com/-rTsKFhKKT6Y/TuYsJKeU_YI/AAAAAAAAJpA/ZJCc_yf1j5s/s1600/Petrocosmea_bicolor.JPG
- ม่วงกำมะหยี่
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ :ม่วงกำมะหยี่
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Petrocosmea pubescense D.J. Middleton & Triboun
วงศ์ : GESNERIACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของไทย พบเฉพาะที่ดอยตุง จ.เชียงราย ขึ้นบนหินปูนในป่าดิบเขา ระดับความสูง 1300-1400 เมตร
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก เหง้ามีขนหนาแน่น ใบเรียงแผ่ที่โคน มีก้านใบ แผ่นใบเกือบกลมหรือรูปไข่ แผ่นใบมีขนสั้นนุ่มหนาแน่นทั้งสองด้าน ก้านใบยาว มีขนหนาแน่น ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม ออกจากเหง้า มี 1-2 ดอก ก้านช่อมีขนยาวหนาแน่น กลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขนยาวด้านนอก กลีบรูปแถบ 2 กลีบบนแยกกัน 3 กลีบล่างเชื่อมติดกัน กลีบดอกรูปปากเปิด สีม่วงเข้ม มีขนสั้นนุ่มกระจายด้านนอก มีต่อมเล็กๆ ภายในหลอดและโคนกลีบ เกสรเพศผู้ 2 อัน ติดภายในโคนหลอดกลีบ ก้านชูอับเรณู มีต่อมกระจาย เกสรเพศผู้ที่เป็นหมัน มีขนและต่อมหนาแน่น ก้านเกสรเพศเมีย มีขนช่วงล่าง
ที่มาข้อมูล : http://web3.dnp.go.th/botany/detail.aspx
ที่มาภาพ : http://1.bp.blogspot.com/-1i6BZUGK5ds/TuYsIqTmJVI/AAAAAAAAJo4/CHmwk--XZcQ/s1600/Petrocosmea_pub.JPG
- เจอราเนียมเชียงดาว
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : เจอราเนียมเชียงดาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Geranium lamberti ssp. siamensis
วงศ์ : GERANIACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวของเมืองไทย พบขึ้นตามซอกหินในที่โล่งแจ้งบนภูเขาหินปูนที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200-2,000 เมตร ปัจจุบันมีรายงานการพบเฉพาะบนดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่
ลักษณะ : ไม้ล้มลุกขนาดเล็ก สูง 5-12 เซนติเมตร ลำต้นสีแดงอมม่วง ทุกส่วนของต้นมีขนนุ่มสั้นปกคลุม ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับเวียนรอบลำต้น หรือเป็นเกลียว แตกใบน้อย รูปไข่กว้าง สีเขียว กว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 4-5 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็น5แฉก แฉกกลางมีขนาดใหญ่สุด ขอบใบมีแถบสีแดงอมม่วงเข้ม โคนใบเว้าเป็นรูปคล้ายเงี่ยงหัวลูกศร ออกดอกเป็นช่อซี่ร่มตามปลายยอด ช่อละ 2-4 ดอก ดอกทยอยบานครั้งละ 1-2 ดอก ดอกสีม่วง สีชมพูอ่อน หรือสีชมพูอมม่วง กลีบดอก 5 กลีบ รูปไข่กลับ กลีบบาง โคนกลีบมีสีเหลืองระเรื่อๆ เกสรตัวผู้ 5 อัน อับเรณูสีน้ำตาล รังไข่สีเขียวอ่อน เกสรตัวเมียสีน้ำตาลเข้ม กลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียว รูปขอบขนาน ปลายกลีบเป็นติ่งหนามแหลม ออกดอกเดือนตุลาคม-ธันวาคม
ที่มาข้อมูล : http://www.baanpud.net/forum/viewtopic.php?f=7&t=2064#p4471
ที่มาภาพ : http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/O3965715/O3965715-57.jpg
- กล้วยไม้สิงโต “เจ้าฟ้าเพชรรัตน์”
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : กล้วยไม้สิงโต เจ้าฟ้าเพชรรัตน์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bulbophyllum "Princess Bejaratana"
วงศ์ : BULBOPHYLLUM
ค้นพบ : เป็นกล้วยไม้คู่ผสมใหม่ของโลก ผสมสำเร็จโดย นายภวพล ศุภนันทนานนท์ และได้รับพระราชทานพระอนุญาตให้เชิญพระนามตั้งเป็นชื่อกล้วยไม้พันธุ์ใหม่นี้ โดยมีการขึ้นทะเบียนกับสมาคมพืชสวนอังกฤษ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2554
ลักษณะ : เป็นกล้วยไม้สกุลสิงโตกลอกตา ลูกผสมระหว่างสิงโตแคลปโตเนนเซ่ (Bulbophyllum claptonese) และสิงโตปาละวัน (Bulbophyllum palawanense) ที่ได้ลักษณะเด่นของทั้งพ่อและแม่มาอย่างครบถ้วน มีขนาดดอกค่อนข้างใหญ่ราวสามนิ้วฟุต กลีบดอกมีสีเหลืองอมส้ม ไล่เฉดสีตั้งแต่อ่อนจากบริเวณกลางดอกไปจนเป็นสีส้มบริเวณปลายกลีบ ลิ้นมีสีชมพูสดพาดด้วยขีดสีแดงอมน้ำตาลทั้งดอก และให้ดอกตลอดทั้งปี ซึ่งเป็นคุณลักษณะพิเศษของสิงโตลูกผสมต้นนี้
ที่มาข้อมูล : ชัชพล ไชยพร “กล้วยไม้สิงโต เจ้าฟ้าเพชรรัตน์,” สกุลไทยรายสัปดาห์ ปีที่ 58 ฉบับที่ 2995 วันอังคารที่ 13 มีนาคม 2555 หน้า 33-35.
- หรีดเชียงดาว
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : หรีดเชียงดาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gentiana leptoclada Balf. F. & Forr. ssp. australis (Craib) Toyokuni
วงศ์ : GENTIANACEAE
ค้นพบ : เป็นพืชถิ่นเดียวและพืชหายาก พบเฉพาะบนภูเขาหินปูนบนดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขึ้นตามซอกหินปูน ที่ระดับความสูง 1,600-1,800 เมตร
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก ลำต้นเกลี้ยง เป็นสันแผ่ออกเป็นครีบเล็กน้อย สูง 40-80 เซนติเมตร ใบเดี่ยวออกตรงข้ามซ้อนเป็นกลุ่มที่โคนและออกเป็นคู่ห่างๆ ข้างบน รูปไข่ โคนใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อยไม่มีก้านใบ ดอก สีม่วงอมฟ้า ออกเป็นกระจุก 1-5 ดอก ที่ปลายยอดและซอกใบ กลีบรองดอกเป็นถ้วยตื้นๆ ปลายแยกเป็นแฉกรูปไข่ปลายแหลม มีแฉกย่อยพับอยู่ระหว่างกลีบ ความยาวสั้นกว่ากลีบดอก ปลายตัดเป็นซี่แหลม ขนาดสั้น อับเรณูสีม่วง ผล รูปกระสวย เมล็ดขนาดเล็กสีน้ำตาล รูปสามเหลี่ยม
ที่มาข้อมูล : http://www.rspg.or.th/plants_data/rare_plants/scien_name_g4.htm
ที่มาภาพ : http://www.tjorchid.com/wp-content/uploads/2009/09/e0b8abe0b8a3e0b8b5e0b894e0b980e0b88ae0b8b5e0b8a2e0b887e0b894e0b8b2e0b8a7.jpg
- ฟองหินเหลือง
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ : ฟองหินเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sedum susanae Hamet
วงศ์ : CRASSULACEAE
ค้นพบ : ที่ดอยเชียงดาว จ.เชียงใหม่ บริเวณใกล้ยอดเขา ที่ระดับความสูง 1,800-2,100 เมตร ออกดอกเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
ลักษณะ : พืชล้มลุกฤดูเดียว สูง 5-12 เซนติเมตร ลำต้นเกลี้ยง ค่อนข้างอวบน้ำ ขึ้นเป็นพุ่มขนาดเล็กตามซอกหินที่ชื้นแตกกิ่งจากบริเวณโคนต้น ใบเป็นใบเดี่ยว ขนาดเล็กลักษณะคล้ายลำต้น รูปแคบยาว ปลายแหลม มีจำนวนมาก ดอกสีเหลืองสด ออกเป็นช่อจากบริเวณปลายยอด ดอกบานขนาด 0.6-1 เซนติเมตร กลีบรองดอกรูปไข่แกมสามเหลี่ยม กลีบดอกรูปไข่กว้าง ปลายแหลม เกสรผู้มี 10 อัน สีเหลือง รังไข่แยกเป็น 5 พู ปลายแหลม ผลเป็นฝักขนาดเล็ก แตกด้านเดียว ภายในมีเมล็ดมาก
ที่มาข้อมูล : http://www.qsbg.org/Database/BOTANIC_Book%20full%20option/Search_detail.asp?Botanic_ID=1227
ที่มาภาพ : http://www.thaidphoto.com/forums/attachment.php?attachmentid=1698079249&stc=1&d=1323871644
- ขาวปั้น
- Author: nantawan
-
Description: ชื่อสามัญ: ขาวปั้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pterocephalodes siamensis (Craib)
วงศ์ : DIPSACACEAE
ค้นพบ : พืชถิ่นเดียวและพืชหายาก พบเฉพาะภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ขึ้นตามซอกภูเขาหินปูนบนดอยเชียงดาว ที่ระดับความสูง 1,900 - 2,200 เมตร ออกดอกและผลเดือน ธันวาคม - มกราคม
ลักษณะ : ไม้ล้มลุก สูง 30-60 เซนติเมตร มีลำต้นเป็นเหง้า ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงแผ่รอบโคนต้น รูปพาย กว้าง 4-8 เซนติเมตร ยาว 6-18 เซนติเมตร โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบจักหรือเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบสั้น ดอกสีขาวออกเป็นช่อกระจุกแน่น เกือบกลม ขนาด 4-6 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 8-20 เซนติเมตร มีขนปกคลุม มีใบประดับรูปขอบขนานที่ดคนช่อดอก กลีบรองดอกเป็นขนแข็ง กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปกรวย เกสรผู้ 4 อัน เกสรเมียยาวพ้นหลอดดอก ปลายเป็นปุ่มสีขาว ผลเป็นผลแห้งเมล็ดแก่ติดแน่นกับใบประดับ
ที่มาข้อมูล : http://web3.dnp.go.th/botany/plantdetail.aspx?monthno=201202&smonthname=February&slanguage=thai
ที่มาภาพ : http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?action=dlattach;topic=7464.0;attach=87867;image